หน้าหลัก > NLP > ความลับที่19 ของ NLP สร้างสภาวะจิตที่ให้พลัง
ความลับที่19 ของ NLP สร้างสภาวะจิตที่ให้พลัง
NLP
ความลับที่19 ของ NLP สร้างสภาวะจิตที่ให้พลัง
20 Sep, 2019 / By coachwanchai
Images/Blog/G4fCbWCG-NLP-Banner4227.jpg

ความลับที่ 19 ของ NLP #สร้างสภาวะจิตที่ให้พลัง
ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในใจของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นความคิดภายในและความรู้สึกที่ข้างใน
ล้วนมีผลกระทบต่อการสื่อสารของคุณ
สิ่งที่คุณคิดและเชื่อเกี่ยวกับตัวคุณและโลกใบนี้
ตลอดจนผู้คนที่คุณได้เจอะเจอ
จะเล็ดรอดออกมาสู่ภาษากายหรือภาษาท่าทางของคุณ
.
.
ผู้คนทั้งหลายที่เก่งการสื่อสารอย่างเลอเลิศ
ล้วนมีสิ่งหนึ่งที่ร่วมกันอยู่
พวกเขาสามารถจะรักษาสภาวจิตที่เป็นบวกเอาไว้ได้
.
.
ถ้าจะกล่าวให้ชัดว่ามันหมายถึงอะไร
ใน NLP จะมีคำหนึ่งที่ใช้อยู่คือ Congruent
ซึ่งหมายถึงการสอดประสานลงตัวสนิทเป็นหนึ่งเดียว
ทั้งกับคำพูด คุณภาพของน้ำเสียง และการใช้กายที่เป็นอยู่
.
.
คำพูดหรือข้อความที่คุณพูดออกจากปากคุณ
จะสร้างความน่าเชื่อถือได้แค่ 7%
น้ำเสียงที่คุณเลือกใช้หรือคุณภาพของน้ำเสียง
จะสร้างความน่าเชื่อถือถึง 35%
และภาษากายทั้งหมด
จะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากถึง 55%
.
.
ฉะนั้น ถ้าคุณทำในองค์ประกอบทั้งสามนี้ได้ดี
คุณย่อมสร้างความน่าเชื่อถือได้สูงสุด
แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม คุณย่อมสร้างความไม่น่าเชื่อถือ
ผมมั่นใจว่าคุณคงเคยพบกับคนที่พูดสิ่งที่ถูกต้อง
ใช้คำพูดได้ดี ทว่ามันกลับให้ความรู้สึกว่าไม่ใช่
เมื่อฟังไปที่น้ำเสียงหรือมองดูที่ท่าทางของเขา
เขาอาจใช้ถ้อยคำในเชิงบวกยามที่เขาพูดกับคุณ
แต่คุณกลับไม่เชื่อเพราะว่าภาษากายและสีหน้าที่มันขัดแย้ง
.
.
นั่นทำให้คุณไม่เชื่อถือสิ่งที่เขาสื่อความกับคุณ
กล่าวอีกอย่างได้ว่า ปากของเขาพูดอย่าง
แต่ภาษากายพูดไปอีกอย่าง
นี่คือการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่างว่า ใครบางคนจะพูดกับคุณว่า
.
“ฉันเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจ”
.
แต่ตอนที่พูด เขายืนกอดอก ภาษากายของเขาปิดตนเอง
นี่คือการที่คำพูดกับภาษากายไม่ลงรอยกัน
มันซ่อนบางสิ่งไว้ไม่มิดนั่นเอง
แล้วทำไมเขาจึงทำสิ่งที่ขัดแย้งกันเล่า?
มันอาจเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ตัว
แต่ที่แน่ๆ มันเป็นเพราะว่า
เขาไม่ได้อยู่ในสภาวจิตทที่มีพลังนั่นเอง
.
.
การที่คุณจะสื่อสารได้อย่างสอดคล้อง
คุณจำเป็นต้องทำให้สภาวจิตเชิงอารมณ์ของคุณ
อยู่ในการควบคุม เพราะว่าอารมณ์ลบ
จะรั่วออกมาทางร่างกายของคุณจนได้
ถ้าคุณยังมีสภาวจิตนั้นอยู่ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไป
ถ้าคุณมีข้อความเชิงบวกที่จะสื่อสารให้ใครรู้
ก่อนที่จะพูดออกไป
คุณต้องทำให้ตัวคุณเองไปตกอยู่ในสภาวจิตที่เป็นบวกด้วย
.
.
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว
คุณย่อมสามารถสื่อสารออกไปได้อย่างสอดคล้อง
ทั้งคำพูด น้ำเสียง สีหน้า แววตา และภาษากายได้
ทั้งนี้เพราะว่าคุณกำลังมีสภาวจิตที่มีพลังนั่นเอง
การที่ภาษากายของคุณจะดีขึ้นจากสภาวจิตก็เพราะว่า
กายและจิตของคุณมันเชื่อมโยงและส่งอิทธิพลถึงกันนั่นเอง
การที่คุณจะสร้างสภาวจิตที่มีพลังหรือเป็นบวก
ทำให้ง่ายด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
.
.
1. จงคิดถึงสภาวจิตแบบหนึ่ง
ที่คุณรู้ว่ามันเป็นประโยชน์มากที่สุดกับคุณ
หรือจะถามตัวเองว่า “ฉันอยากจะรู้สึกแบบไหนกันเล่า"
ตื่นเต้น ร่าเริง มั่นใจในตัวเอง กระตือรือร้น สนใจใคร่รู้
มีพลังอำนาจ มีกำลังวังชา หรือมีชีวิตชีวา
จงระบุออกมาว่าคุณต้องการจะรู้สึกยังไง?
หรือคุณอยากจะเข้าถึงสภาวจิตอะไร?
.
.
2. หลังจากเลือกสภาวจิตที่ต้องการได้แล้ว
ถัดไป ให้นึกดูว่าในอดีตที่ผ่านมา
มันคือวันไหนของเหตุการณ์ไหนที่คุณเคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน
เจ้าสภาวจิตอันนั้นคือสภาวจิตที่คุณอยากจะรู้สึกในตอนนี้
.
.
3.ถัดไป หลับตาลง
จงกลับเข้าไปในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
จงกลับไปมีประสบการณ์นั้นในใจของคุณอีกครั้งให้เต็มที่ที่สุด
ทั้งๆ ที่คุณหลับตาอยู่นี้ ให้ทำราวกับว่า
ตัวคุณที่หลับตาอยู่นี้กำลังเห็นฉากเหตุการณ์นั้นผ่านตาเนื้อคู่นี้
ที่หลับตาอยู่ ได้ยินเสียงต่างๆ ในฉากเหตุการณ์
ดุจได้ยินด้วยหูทั้งสองข้างของคุณ
มันราวกับว่าร่างนี้ของคุณอยู่ที่นั่นจริงๆ
โปรดตระหนักว่า การจินตนาการแบบนี้
ตัวคุณที่นั่งหลับตาอยู่จะไม่เห็นภาพตัวคุณอีกคนอยู่ในนั้น
แต่ตัวคุณที่กำลังหลับตาอยู่นั่นแหละที่อยู่ในนั้น
.
.
ฉะนั้น คุณจะเห็นภาพใบหน้าของคุณเองในนั้นไม่ได้
NLP ถือว่าคุณคนที่หลับตาอยู่ได้เข้าไปมีประสบการณ์
ในสมองแบบ Associated (เอาตัวเข้าไปร่วมด้วย
โดยหมายถึงตัวคุณที่หลับตาอยู่นี้เข้าไปร่วมในประสบการณ์)
การจินตนาการแบบ Associated จะให้ความสมจริงมาก
เพราะตัวคุณคนที่หลับตาอยู่เข้าไปในตำแหน่งของบุรุษที่ 1
คือเข้าไปทำประสบการณ์นั้นอีกครั้งในใจ
.
.
แต่ถ้าตัวคุณที่หลับตาอยู่
สามารถเห็นภาพตัวคุณอีกคนอยู่ในจอหนัง
จะถือว่าตัวคุณที่หลับตาอยู่จินตนาการแบบ Disassociated
เพราะตัวคุณที่หลับตา
อยู่กลายเป็นผู้สังเกตตัวคุณอีกคนบนจอหนัง
ฉะนั้น ตัวคุณที่นั่งหลับตา
จึงเหมือนดูหนังตัวคุณอีกคน
แสดงบทบาทอยู่ในเหตุการณ์นั้น
.
.
4. ในขณะที่ตัวคุณที่หลับตาอยู่
กำลังมีประสบการณ์กับความทรงจำอยู่
จงเห็นสิ่งที่ได้เห็นในวันนั้น
ได้ยินสิ่งที่ได้ยินในวันนั้น
รู้สึกให้เหมือนกับที่เคยรู้สึกในวันนั้น
แล้วคุณจะพบว่า สภาวจิตทางอารมณ์ของคุณ
(คนที่หลับตาอยู่) กำลังเปลี่ยนไปเป็นอารมณ์ของวันนั้น
.
.
5. เมื่อคุณเข้าถึงสภาวจิตของวันนั้นได้จริงๆ
ในตอนนี้ ท่าทางของร่างกายคุณจะเริ่มเปลี่ยนไป
ในทางที่สอดคล้องกับอารมณ์ที่ให้พลังนี้
คุณอาจนั่งตัวตรงมากขึ้น ยืดหน้าอกขึ้น
และกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็เปลี่ยนไปด้วย
.
.

เมื่อคุณไม่รู้สึกว่าตัวคุณอยู่ในสภาวะจิตที่ให้พลัง
คุณสามารถทำตามขั้นตอนทั้งห้านี้เมื่อไหร่ก็ได้
และเพียงแป๊ปเดียว คุณจะเปลี่ยนสภาวจิต
ไปสู่อารมณ์ที่คุณได้เลือกไว้
และเมื่อคุณมีสภาวจิตที่เหมาะสมแล้ว
คุณพร้อมแล้วกับการสื่อสารหรือพูดอะไรออกไป
และมันจะสอดรับเป็นหนึ่งเดียวทั้งส่วนที่เป็นคำพูด น้ำเสียง
และภาษากายของคุณ

.
.
และเมื่อคุณอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้...
ผมปรบมือเสียงดังๆให้กับคุณด้วยครับ
ที่คุณเป็นนักลงมือทำตั้งใจอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ..
บทความหลังๆผมโพสยาวขึ้น
เพื่อตั้งใจให้สาระจริงๆกับแฟนเพจ...
อยากให้แฟนเพจแสดงตัวตนหน่อยครับ..
เพื่อเป็นกำลังใจให้ผม..โพสต์บทความต่อๆไป
โดยการพิมพ์คำว่า...
----------------------------------------------------------------------------
" วันนี้...ฉันเต็มไปด้วยพลังงาน...และเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ^_^"
----------------------------------------------------------------------------

ด้วยรัก,
อาจารย์ วันชัย ประชาเรืองวิทย์
The Best NLP Trainer of Thailand

Like
ความคิดเห็น (0)
ก่อนหน้า 1 ถัดไป
ร้านค้าออนไลน์
© 2006-2024
Vevo Systems Co., Ltd.