ผมอยากให้คุณยอมรับข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง คนเราไม่ได้ประสบความสำเร็จตลอดเวลาหรอก บางทีมันก็จะมีอุปสรรคที่มากีดขวางปณิธานของคุณ หรือบางครั้งการเจรจาการค้าหรือการพูดคุย
ก็ไม่ได้ลงเอยอย่างที่ได้วางแผนไว้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณได้หันไปมองจากมุมมองของผู้อื่นละก็ ลองดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
คุณอาจเกิดความเข้าใจที่กว้างขึ้นกว่าเดิมเยอะ
เทคนิคนี้มันเรียบง่ายมากแต่ก็ทรงพลัง
เวลาที่ผมกล่าวถึงคำว่า “มุมมอง”
มันอาจยิ่งช่วยคุณได้มากขึ้น
.
.
ถ้าจะแยกคำสักหน่อยซึ่งกลายเป็น “มุมที่มองออกไป”
สมมติคุณมองช้างตัวหนึ่ง
ถ้าคุณค่อยๆ เดินรอบตัวมัน แล้วหยุดเพื่อที่จะมองช้าง
.
.
ฉะนั้น ตำแหน่งที่คุณกำลังมองช้างย่อมเปลี่ยนไป
และมันเพิ่มความเข้าใจช้างให้กับคุณ
หรือถ้าคุณนั่งมองท้องฟ้าอยู่
ถ้าคุณล็อกสายตาโดยไม่ขยับดวงตาเลย
คุณจะเห็นวิวท้องฟ้าในลานสายตาของคุณแบบหนึ่ง
แต่ถ้าคุณ เปลี่ยนองศาในการมอง ...
คือมองเป็นมุมเงยบ้าง มุมก้มบ้าง หรือเอียงไปทางซ้ายขวาบ้าง
วิวท้องฟ้าในลานสายตาของคุณย่อมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
นี่แหละคือคำว่า “มุมมอง”
.
.
ลองนึกว่า ...
คุณกับผมเป็นคนสองคนที่มีความคิดเห็นต่างกันในเรื่องราวหนึ่ง ถัดไป ขอให้คุณฝึกฝนภายใต้ข้อสมมติว่า...
เราสองคนมีข้อถกเถียงกันระดับเล็กๆ น้อยๆ ก่อน
(ไม่ได้ขัดแย้งกันแบบใหญ่โตอะไร)
และด้วยการฝึกฝน ...
คุณจะพบว่ามันง่ายขึ้นที่คุณจะสามารถมองเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นจากสามมุมมองคือ
มุมมองจากตำแหน่งที่1 ตัวคุณเอง (มันคือมุมมองของคุณ)
มุมมองจากตำแหน่งที่2 ตัวผม (มันคือมุมมองของผม)
และ มุมมองจากตำแหน่งที่3 บุคคลอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ (มุมมองของบุคคลที่ 3)
.
.
การฝึกแบบนี้จะเพิ่มสติปัญญาให้กับคุณอย่างมหาศาล
น้อยคนที่จะฝึกมัน แต่ถ้าคุณฝึก
คุณจะประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีก
ลองทำเวิร์กชอปนี้ตามสามขั้นตอนดังนี้
.
.
1. นึกภาพในใจว่าคุณนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
มองมาที่เก้าอี้อีกตัวที่ผมนั่งอยู่ แล้วถามตัวคุณเองว่า
“จากมุมนี้ ฉันเห็นอะไร ได้ยินอะไร รู้สึกอะไร
และคิดอะไรที่เกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น”
.
.
2. ถัดมา จงจินตนาการว่า คุณมานั่งที่เก้าอี้ของผม
มองกลับไปที่ตัวคุณที่นั่งเก้าอี้ตัวแรก แล้วจากมุมมองของผม
จงถามตัวคุณเองว่า “จากมุมนี้ ฉันเป็นอะไร ได้ยินอะไร
รู้สึกอะไร และคิดอะไรที่เกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น”
.
.
3. ถึงตอนนี้ จงจินตนาการว่าคุณเป็นบุคคลที่สาม
ที่ยืนอยู่ห่างจากคนทั้งสองพอสมควร (สักสี่เมตรก็ได้)
แล้วคุณจะสังเกตเห็นอะไรบ้างในฐานะของผู้สังเกต
ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์และไม่ได้เข้าข้างใคร
มันแน่นอนที่ว่าแต่ละตำแหน่งที่คุณไปอยู่
คุณจะได้รับรู้ถึงความเข้าใจอันลึกซึ้ง
จงเดินวนให้รอบทั้งสามตำแหน่งก่อน
จากนั้นคุณจะวนอีกรอบก็ยังได้
.
.
เพื่อที่คุณอาจได้รับความเข้าใจเพิ่มเติมจากแต่ละมุมมอง
เมื่อคุณได้ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งแล้ว
จงคิดดูว่าอะไรหรือบทเรียนอะไรที่คุณจะนำติดตัวกลับไปกับคุณ
ดุจเป็นทรัพยากรเพื่อเอาไว้ใช้สอยในอนาคต
.
.
ถ้าคุณฝึกฝนแบบฝึกหัดนี้บ่อยๆ
คุณจะพบว่ามันช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวาง
ที่อาจมีกับผู้คนที่แวดล้อมตัวคุณ
.
.
ข้อดีจากการเปลี่ยนมุมมองของคุณ
จะส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของผลงานการปฏิบัติของคุณ
ทั้งทางด้านธุรกิจและส่วนตัว
โปรดจำไว้ว่า...ความสามารถที่จะเข้าใจมุมมองของคนอื่นๆ
และเห็นสิ่งต่างๆ จากมุมมองของคนอื่น
และจากมุมของตัวคุณเองด้วย
คือเคล็ดลับข้อหนึ่งของความสำเร็จ!!

.
.

ให้คุณไปส่องตัวคุณกับกระจกบานใหญ่
คุณคิดว่าตัวคุณในกระจกที่มองมายังคุณนั้นเข้าได้เห็นอะไร
เขาจะมีมุมมองว่ายังไงกับคุณ
เขาจะมีทัศนคติต่อคุณว่ายังไง
คุณเห็นหรือยังว่า...ด้วยเทคนิคที่คุณสามารถมองตัวเอง
จากองศาหรือตำแหน่งที่ต่างออกไป
กระทั่งตัวคุณในกระจกที่มองมายังคุณ
และเมื่อคุณคิดจากมุมของเขา
นั่นจะทำให้คุณมีความเข้าใจตนเองมากขึ้น
ได้มากกว่าการมองจากมุมของตัวคุณเองจริงๆ ตลอดเวลา
.
.
ด้วยรัก,

อาจารย์ วันชัย ประชาเรืองวิทย์
The Best NLP Trainer of Thailand